ทำไมไพ่ถึงมี 52 ใบ คาสิโนออนไลน์

ทำไมไพ่ถึงมี 52 ใบ คาสิโนออนไลน์ วันนี้แอดมินอยากจะพาเพื่อนๆมารู้จักกับความหมายของไพ่ รวมถึงเรื่องราวต่างๆนาๆว่ากว่าจะมาเป็นไพ่นั้นมันมาจากตรงไหน

Design ของไพ่

สมัยนั้น ไพ่ยังจัดเป็นของที่จับต้องได้ยาก เป็นอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงที่มีขึ้นเพื่อเจ้าขุนมูลนายเท่านั้น เนื่องจากกรรมวิธีในการทำค่อนข้างละเอียด ต้องแกะสลักไม้พิมพ์ลายแล้วทาสีลงไป กว่าจะเสร็จแต่ละใบเล่นเอาหอบลง

นานวันเข้า เมื่อการผลิตไพ่เริ่มง่ายขึ้นและใช้เวลาน้อยลง ก็มีคนพยายามทำไพ่ทำนองนี้เพื่อการค้า โดยผลิตให้ชาวประชาทั่วไปได้ซื้อไปเล่นกัน ดีไซน์กันไปมามันก็แตกออกเป็นสองสายคือ สายปาริเซียง ที่คนฝรั่งเศสนิยม และสายรูเอนเน่ที่มาป๊อบเอาในอังกฤษ

ดอกบนไพ่

ในสมัยก่อนแต่ละประเทศที่รับวัฒนธรรมการเล่นไพ่เข้ามา หลายประเทศก็คิดดอกไพ่ของตัวเอง เช่น ดอกไพ่ของสเปนจะเป็น เหรียญ (Coins) ถ้วย (Cups) ตะบอง (Clubs) และดาบ (Swords) ส่วนเยอรมันจะเป็น ระฆัง (Bells) หัวใจ (Hearts) ใบไม้ (Leaves) และผลโอ๊ก (Acorns)
คนฝรั่งเศสรับวัฒนธรรมส่วนหนึ่งมาจากเยอรมัน ปรับแต่งนิดหน่อยจนมันออกมาเป็น ดอกทั้ง 4 อันได้แก่ ดอกจิก (Clubs) โพธิ์แดง (Hearts) โพธิ์ดำ (Spades) และข้าวหลามตัด (Diamonds) ซึ่งเอามาทำเป็นแม่พิมพ์ผลิตง่ายกว่าแบบของประเทศอื่นมาก พอคนออกแบบไพ่ฝั่งฝรั่งเศสผลิตไพ่ได้มากกว่าที่อื่น คนก็นิยมเล่นไพ่ของฝรั่งเศส จนกลายเป็นดีไซน์สากลไปซะอย่างนั้น

นักวิชาการหลายคนพยายามตีความการใช้สัญลักษณ์ดอกทั้ง 4 นี้ ซึ่งเดาว่าแต่ละประเทศคงให้เป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นทั้ง 4 (สมัยก่อนยังแบ่งชนชั้นกันเป็นเรื่องปกติ) อย่างของฝรั่งเศสเอง คงมีความหมายตามนี้

โพธิ์แดง (Hearts) หมายถึงโบสถ์ หรือกลุ่มนักบวช
โพธิ์ดำ (Spades) หมายถึงกลุ่มชนชั้นสูงหรือขุนนาง เพราะโพธิ์ดำมีรูปร่างคล้ายกับปลายหอกซึ่งเป็นอาวุธของนักรบผู้ปกป้องกษัตริย์
ข้าวหลามตัด (Diamonds) หมายถึงกลุ่มมีผู้มีฐานะ เพราะรูปเพชรเป็นรูปทรงเดียวกับก้อนอิฐที่ปูในโบสถ์ ซึ่งโบสถ์ก็เป็นที่ๆ คนมีเงินที่ตายไปแล้วจะได้มาฝังศพที่นี่
ดอกจิก (Clubs) หมายถึงกลุ่มชนชั้นล่างธรรมดา เนื่องจากมันมีรูปร่างเหมือนใบต้นโคลเวอร์ ซึ่งเป็นอาหารสำหรับหมู

“แต่นี่เป็นเพียง ทฤษฎีหนึ่งเท่านั้น”

คิง แจ็ก แหม่ม

มาดูสามสหายที่มีรูปวาดอันวิจิตรที่สุดกันบ้าง คิง (King) แจ็ก (Jack) หรือ แหม่ม (Queen) แต่เดิมเขามีกันสี่ตัว คือ ราชา (King) ราชินี (Queen) อัศวิน (Knight) และ คนโกง (Knave) แต่ตอนหลัง “คนโกง” ก็หลุดหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์เหลือแต่สามตัวนี้ ซึ่งถ้าสังเกตให้ดี ตัวย่อของทั้งสามคือ K Q K
เอาล่ะสิ มี K สองตัว แบบนี้เวลาทำสัญลักษณ์ข้างไพ่ก็แยกไม่ออกน่ะสิว่าที่ถืออยู่นี่ ราชาหรืออัศวิน ก็เลยเป็นที่มาให้ต้องเปลี่ยนชื่อจากอัศวินเท่ๆ เป็นแจ็ก (Jack) นั่นเอง


นอกจากนี้ ช่วงที่ไพ่ของช่างทำไพ่ชาวฝรั่งเศสกำลังเฟื่องฟู ช่างทำไพ่บางคนก็เริ่มแทนตัวคิง แจ็ก แหม่มแต่ละตัวด้วยบุคคลต่างๆ ทั้งที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ และในตำนาน บางคนถึงขนาดใส่ชื่อลงไปในไพ่ด้วย ซึ่งรายชื่อบุคคลที่เข้าไปอยู่ในไพ่ก็แตกต่างกันไปตามช่างทำไพ่แต่ละคน ที่เห็นบ่อยๆ ก็ดังนี้

การกำหนดบุคคลเป็นต้นแบบให้กับไพ่แต่ละใบนั้นไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งแต่อย่างใด พอถึงช่วงปฏิวัติฝรั่งเศสที่กษัตริย์หลุยส์ที่ 16 และมารี อังตัวแนตถูกประหาร สัญลักษณ์แห่งเชื้อพระวงศ์ในฝรั่งเศสก็หายไป ช่างทำไพ่จึงเลิกใส่ชื่อเหล่านี้ และบางคนถึงกับเปลี่ยนไพ่จากคิง แจ็ก แหม่ม ไปเป็น เสรีภาพ (Liberté) เสมอภาค (égalité) และภราดรภาพ (fraternité) แทน

โจ๊กเกอร์มาได้ยังไง

โจ๊กเกอร์เพิ่งมาโผล่ในกองไพ่เมื่อช่วงปี 1860 โดยคนอเมริกัน สมัยนั้นมีเกมที่ชื่อว่า ยูเคอร์ (Euchre) ซึ่งเป็นเกมไพ่ที่มีต้นกำเนิดมาจากเยอรมัน ตอนที่คนอเมริกันเอาเกมไพ่นี้มาเล่น จึงตัดสินใจเพิ่มไพ่พิเศษที่ชื่อว่าโจ๊กเกอร์เข้าไป โดยยกให้เป็นไพ่ที่มีแต้มสูงที่สุดของเกมนั้นและโจ๊กเกอร์ ก็เลยกลายเป็นไพ่พิเศษในเกมอื่นๆ บางเกม มีทั้งเป็นไพ่ที่ดีสุดๆ และก็แย่สุดๆ ไปเลย หรือบางทีโจ๊กเกอร์ก็กลายเป็นไพ่ตัวแทน เวลาไพ่ใบใดใบหนึ่งในกองไพ่นั้นหายไปก็ได้

ได้รับการสนับสนุนจาก